Microsoft Power Platform อาจฟังดูเหมือนซอฟต์แวร์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมอื่นๆ แต่จริงๆ แล้ว Power Platform เป็นแหล่งรวมซอฟต์แวร์ ที่จะช่วยในการพัฒนา Apps ต่างๆ เริ่มจากการสร้างกระบวนการ (Workflow), วิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และยังสามารถสร้าง Chatbot ด้วยเทคโนโลยีแบบ Low Code Platform โดยมี AI และ Connectors ให้เลือกหลากหลาย ช่วยตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้องค์กรบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแอปลิเคชันได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ พร้อมทั้งสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้งานเป็นอัตโนมัติ เพิ่มศักยภาพให้กับการทำงานขึ้นไปอีกระดับ
ทำความรู้จักกับ Microsoft Power Platform
Microsoft Power Platform ถูกนิยามว่าเป็น ชุดเครื่องมืออัจฉริยะ (The Intelligent Toolbox) โดยแต่ละอุปกรณ์นั้น จะมีหน้าที่แตกต่างกันออกไปและแบ่งการทำงานกันอย่างชัดเจน แต่ก็มีระบบที่สามารถเชื่อมต่อให้มีการทำงานร่วมกันได้ เป็นชุดเครื่องมือและบริการที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งถูกออกแบบเพื่อช่วยให้องค์กรทั่วโลกสามารถเปลี่ยนแปลงการดำเนินงาน และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล
ที่สำคัญ Power Platform ยังใช้การเขียนแบบ Low Code/No Code ซึ่งช่วยให้ทีมพัฒนาสามารถสร้าง Application ที่กำหนดเองได้ง่ายดายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่ง Workflow จะถูกสร้างให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นอัตโนมัติ วิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และสร้าง Chatbot อัจฉริยะโดยไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะการเขียนโค้ดเชิงลึก นอกจากนี้การทำงานของเครื่องมือ Microsoft Power Platform ก็มีความทันสมัย ตอบโจทย์การทำงานภายในองค์กร เป็นการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่ลงทุนน้อย แต่ได้ผลลัพธ์คุ้มค่าตั้งแต่ CEO ไปจนถึงพนักงานแนวหน้า ทำให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลเชิงลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Microsoft Power Platform ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์หลัก 5 รายการ ได้แก่ Power Apps, Power Automate, Power BI, Power Virtual Agents, และ Power Pages
1) Power Apps “สร้าง Apps ด้วย Low Code Platform”
Power Apps เป็นการพัฒนา Application แบบกำหนดเอง โดยเน้นพัฒนาแบบ Low Code โดยไม่ต้องเขียน Code ก็สามารถสร้างได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับความต้องการทางธุรกิจทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดใหญ่ ซึ่งข้อดีคือ เป็น Application ที่มีแพลตฟอร์มข้อมูลที่ปรับขนาดได้ (Microsoft Dataverse) และความสามารถในการเชื่อมต่อข้อมูลกับแหล่งข้อมูลบน Cloud และข้อมูลที่อยู่ในองค์กรแสดงผลแบบ Responsive ทั้ง Mobile, Tablet หรือ Web Browser ทำให้มีความสะดวกสบายในการทำงานเพิ่มขึ้น และยังพัฒนา Application ด้วย Interface (UX/UI Design) ที่เรียบง่าย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้าง Application ได้ตรงตามความต้องการ
2) Power Automate Process “สร้าง Workflow รูปแบบ RPA สามารถสร้างได้ทั้ง Cloud Flow และ Desktop Flow”
Power Automate เป็นตัวช่วยที่จะให้ผู้ใช้สร้าง Workflow อัตโนมัติระหว่าง Application และเชื่อมต่อกับบริการอื่นๆ ทำให้กระบวนการทางธุรกิจแบบซ้ำๆ กลายเป็นอัตโนมัติและลดความผิดพลาดในการทำงานที่เกิดจากมนุษย์ (Human Error) เช่น การแจ้งเตือน การสื่อสาร การรวบรวมข้อมูล และการอนุมัติการตัดสินใจ เป็นต้น ซึ่ง Power Automate สามารถลดเวลาในการร่างอีเมลแบบเดิมซ้ำๆ สามารถอัปเดตข้อมูล รายวัน รายสัปดาห์ หรือดำเนินการตามกระบวนการอนุมัติที่กำหนดด้วยตนเอง
สำหรับระบบอัตโนมัติไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อผู้ใช้แต่ละราย แต่ยังรวมถึงระบบอัตโนมัติของกระบวนทั้งองค์กรอีกด้วย ซึ่ง Interface ของการจัดทำ Workflow ที่เรียบง่ายช่วยให้ผู้ใช้งานที่มีความสามารถทางเทคนิคทุกเลเวล (ตั้งแต่ผู้เริ่มต้นจนถึงนักพัฒนาที่มีประสบการณ์) สามารถทำงานอัตโนมัติได้
3) Power BI Insight “สร้าง Report/Dashboard ทำ Data Analytics” ขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูล
Power BI เป็นเครื่องมืออัจฉริยะที่แสดงภาพข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล (Data) จากหลายๆ แหล่งข้อมูล เช่น SQL Server, Microsoft Access Database, Oracle, Excel File รวมไปถึง API (Application Program Interface) ต่างๆ ประมวลผลได้แบบ Real-Time นำเสนอข้อมูลแบบ Dashboard ให้เข้าใจง่าย ไม่ว่าจะเป็น การติดตามประสิทธิภาพการขาย หรือการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและมีข้อมูลครบถ้วน Power BI มีการกำหนดผู้เข้าใช้งานและความปลอดภัยสูง เพื่อให้ธุรกิจมุ่งเน้นไปที่การใช้ข้อมูลมากกว่าการจัดการที่ใช้เพียงความรู้สึก
ในด้านการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลเชิงลึก Dashboard ที่ถูกสร้างขึ้นด้วย Power BI สามารถแทนที่การประชุมแบบเดิมๆ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ง่ายในที่ประชุมมากขึ้น ขจัดความยุ่งยากในการวิเคราะห์ข้อมูล ปรับเปลี่ยนการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบใหม่ให้มีความน่าสนใจ และทำให้มีการตัดสินใจได้รวดเร็ว ส่งผลให้การทำงานในด้านอื่นๆ ยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
4) Power Virtual Agents “สร้าง Chatbot โดยมีความสามารถด้าน AI”
Power Virtual Agents เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ทีมพัฒนาสามารถสร้างการโต้ตอบอัตโนมัติผ่าน Bot ที่ทรงพลังได้ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ผู้ช่วยเสมือน” โดยใช้ Interface กราฟิกแบบ Low Code ลดการทำงานของทีมไอทีที่ต้องปรับปรุงและบำรุงรักษาโซลูชันแบบกำหนดเอง เพิ่มขีดความสามารถของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่ง Power Virtual Agents เป็นเหมือนตัวช่วยในการโต้ตอบกับผู้ใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และให้การสนับสนุนองค์กรได้ตลอด 24 ชั่วโมง ส่งผลให้องค์กรสามารถตอบโต้พนักงานหรือลูกค้าได้ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันก็ยังสร้างการมีส่วนรวมและเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ใช้บริการได้อีกด้วย
5) Power Pages
Power Pages เป็นซอฟต์แวร์ระดับองค์กรที่ปลอดภัยและเป็นแพลตฟอร์มบริการ (SaaS) สำหรับการสร้าง Hosting และจัดการ Website ธุรกิจสมัยใหม่ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้สร้าง Low Code หรือนักพัฒนามืออาชีพ Power Pages จะช่วยให้คุณสามารถออกแบบ กำหนดค่า และเผยแพร่ Website ที่ทำงานได้อย่างราบรื่นบน Web Browser และอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
Power Pages เป็นผลิตภัณฑ์ล่าสุดของตระกูล Microsoft Power Platform ด้วย Power Pages คุณสามารถสร้าง Sites โดยใช้ข้อมูลธุรกิจที่ใช้ร่วมกัน โดยจัดเก็บไว้ใน Microsoft Dataverse ที่คุณใช้ในการสร้าง Power Virtual Agents (ตัวแทนเสมือนอัจฉริยะ) มีระบบรายงาน และการวิเคราะห์ด้วยส่วนประกอบ Power Platform อื่นๆ ในองค์กรของคุณอีกด้วย
ประโยชน์ของ Microsoft Power Platform
1. เพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพ
- การพัฒนาแอปอย่างรวดเร็วด้วย Power Apps สามารถสร้างแอปพลิเคชันแบบกำหนดเองได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งธุรกิจในองค์กรสามารถตอบสนองความต้องการและโอกาสที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
- สร้าง Workflow อัตโนมัติด้วย Power Automate เพิ่มความคล่องตัวและทำให้งานที่ทำซ้ำๆ เป็นอัตโนมัติ ลดความผิดพลาดในการทำงาน พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น
- การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนข้อมูลด้วย Power BI เป็นการวิเคราะห์แบบ Real-Time ช่วยให้ทีมทำการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีความแม่นยำ
- การสนับสนุนลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพด้วย Power Virtual Agents การบริการลูกค้าโดยให้การสนับสนุนทันทีผ่าน Chatbot สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนมีอิสระในการจัดการคำถามที่ซับซ้อนมากขึ้นอีกด้วย
2. การประหยัดต้นทุนและผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)
- Power Apps ช่วยลดต้นทุนในการพัฒนาแอปพลิเคชันได้อย่างมาก เนื่องจากใช้ทรัพยากรในการพัฒนาน้อยลงและยังใช้เวลาในการพัฒนาน้อยกว่าเดิม
- Power Automate ช่วยลดโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดที่มีค่าใช้จ่ายสูงซึ่งเกิดจากการป้อนข้อมูลและกระบวนการด้วยตนเอง
- Power BI ขั้นตอนการทำงานอัตโนมัติและการวิเคราะห์ข้อมูลนำไปสู่การดำเนินงานที่คล่องตัว ลดต้นทุนการดำเนินงาน และปรับปรุงการจัดสรรทรัพยากร
- Power Virtual Agents ช่วยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนมุ่งเน้นไปที่ปัญหาที่ซับซ้อน เพิ่มมูลค่าของทรัพยากรมากขึ้น
3. เสริมศักยภาพนักพัฒนาโดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะเขียนโค้ด
องค์กรสามารถส่งเสริมศักยภาพของบุคคลและทีมภายใน ให้มีความสามารถในการสร้างแอปและทำงานอัตโนมัติ ซึ่งจะก่อให้เกิดการริเริ่มสร้างสรรค์นวัตกรรมในองค์กร ที่สามารถนำไปต่อยอดกับการให้บริการลูกค้า และธุรกิจอื่นๆ ได้ นอกจากนั้นทีมยังสามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะของตนได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอทีมไอทีหรือทีมพัฒนา ซึ่งช่วยลดงานในมือด้านไอทีและทีมพัฒนา และเพิ่มเวลาให้สามารถมุ่งเน้นไปที่โครงการที่ซับซ้อนมากขึ้นได้
3.1 เสริมศักยภาพความคาดหวังของพนักงาน
องค์กรจำเป็นต้องมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่กำหนดเอง คล่องตัว และความสามารถในการทำงานร่วมกันที่ดีมากขึ้นได้
3.2 ลดต้นทุนในการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบกำหนดเอง
การสร้างแอปพลิเคชันแบบกำหนดเองนั้น ปกติแล้วมักใช้เวลานานและมีราคาแพง (รวมค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา)
3.3 มีความคล่องตัวมากขึ้น
กลยุทธ์และความต้องการของธุรกิจต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นองค์กรจึงต้องสามารถสร้างโซลูชันได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการเหล่านั้นด้วย
จากประโยชน์ข้างต้นของ Microsoft Power Platform ที่สามารถช่วยเหลืองานในองค์กรของคุณได้มากมายด้วย Feature ที่สามารถเรียนรู้และใช้งานได้ง่าย ยิ่งถ้าหากในองค์กรของคุณมี Microsoft Office 365 ใช้งานอยู่แล้วก็สามารถเริ่มใช้งานอย่างง่ายๆ ได้เลย หรือหากต้องการขอคำปรึกษาเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามเข้ามาได้ที่ ZyGen เรายินดีเป็นที่ปรึกษาให้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
Reference:
PL-900: Microsoft Power Platform Fundamentals
Author: Saowaluck P.