Virtual Co-Working พื้นที่แห่งอนาคต อยู่ที่ไหนก็ทำงานร่วมกันได้ 

ทำความรู้จัก Co-Working พื้นที่ที่เปิดให้ทุกคนสามารถเข้ามาทำงานได้ 

Co-Working เป็นรูปแบบการทำงานร่วมกันในสถานที่เดียวกัน โดยผู้เช่าพื้นที่ไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทหรือองค์กรเดียวกัน อาจเป็นกลุ่มคนทำงานอิสระ สตาร์ทอัป (Start up) หรือแม้แต่บริษัทขนาดเล็กก็ได้ พื้นที่ทำงานในลักษณะนี้จะประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จำเป็นในการทำงาน เช่น โต๊ะทำงาน เก้าอี้ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร ห้องประชุม เป็นต้น 

Co-Working ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความยืดหยุ่นและค่าใช้จ่ายที่ต่ำลง เมื่อเทียบกับการเช่าสำนักงานในยุคก่อนหน้า ดังนั้น Co-Working จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานร่วมกัน แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ และสร้างเครือข่ายกับผู้คนจากหลากหลายสาขาอาชีพ 

รูปแบบประเภทของ Co-Working

• Co-Working Space แบบกายภาพ: ผู้เช่าสามารถเข้าไปทำงานในสถานที่จริงได้ 
• Co-Working Space แบบออนไลน์: ผู้เช่าสามารถทำงานจากระยะไกลได้ผ่านระบบออนไลน์ สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ 

ในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปอย่างมาก เทคโนโลยีด้าน MR (Merged Reality), VR (Virtual Reality), AR (Augmented Reality) ก็พัฒนาขึ้นทุกวัน Virtual Space จึงได้กลายมาเป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่เข้ามาตอบโจทย์การใช้พื้นที่ Co-working Space แบบเดิมๆ ให้กลายเป็น Virtual Co-working Space ที่ 

• ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเช่าสถานที่ลงไปได้อีกมาก 
• ลดเวลาการเดินทาง 
• สามารถจำลองบรรยากาศเสมือนจริงได้หลากหลายกว่า ปรับเปลี่ยนได้ง่าย และใช้ประโยชน์ได้จริง 
• เพิ่ม Flexibility ให้กับคนทำงาน ได้มีเวลาไปโฟกัสกับงานที่มีความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ 
• ทลายข้อจำกัดของผู้คนจากแต่ละสถานที่ ไม่ว่าจะอยู่ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ ก็สามารถเชื่อมต่อกัน เสมือนอยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น 

ยุคนี้หลายๆ คน ในหลายอาชีพ สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work From Anywhere) ดังนั้น จึงไม่แปลกที่เราจะเริ่มเห็นคนรุ่นใหม่ๆ เริ่มออนไลน์กันบน Virtual Space กันมากขึ้น เพราะพวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ตรงนั้นในการสื่อสาร การทำงานร่วมกัน การสร้างคอมมิวนิตี้ พบปะผู้คนใหม่ๆ ได้อย่างง่ายดาย ZyGen ขอยกตัวอย่างการใช้ Virtual Co-working Space สำหรับเป็นคอมมูนิตี้แห่งใหม่  ดังนี้

ตัวอย่างการใช้ Virtual Co-working Space

การสร้างเครือข่ายออนไลน์: ชุมชนภายในพื้นที่ Virtual Co-working Space นั้นช่วยให้สมาชิกสามารถเชื่อมต่อกับผู้อื่นที่ทำงานในสาขาที่คล้ายกันหรือในโครงการที่คล้ายกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การเชื่อมต่อทางธุรกิจ การเป็นหุ้นส่วน และความร่วมมือใหม่ๆ เพื่อสร้างงานที่มีคุณค่า โอกาสในการสร้างเครือข่ายจะไม่ถูกจำกัดด้วยตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ ทำให้ผู้คนจากทั่วโลกสามารถเชื่อมต่อและทำงานร่วมกันได้ 

การสนับสนุนและสร้างแรงบันดาลใจ: การเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนสามารถให้ความรู้สึกสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจแก่สมาชิก พวกเขาสามารถเรียนรู้จากกันและกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และให้กำลังใจซึ่งกันและกันเพื่อเอาชนะอุปสรรคและบรรลุเป้าหมาย พื้นที่ Virtual Co-working Space จึงเป็นแพลตฟอร์มสำหรับสมาชิกในการเชื่อมต่อและโต้ตอบกัน สร้างความรู้สึกเป็นชุมชนและการสนับสนุน แม้ว่าจะทำงานจากระยะไกล (Remote Work) 

การแบ่งปันความรู้: ชุมชน Virtual Co-working Space สามารถช่วยให้สมาชิกขยายความรู้และทักษะของตนได้โดยการเปิดโอกาสให้มีการให้คำปรึกษา การจัด Workshop และกิจกรรมทางด้านการศึกษาอื่นๆ พื้นที่ Virtual Co-working มักมีชุมชนหรือฟอรัมออนไลน์ที่สมาชิกสามารถแบ่งปันทรัพยากร ถามคำถาม และเรียนรู้จากกันและกันได้ 

สนับสนุนเรื่องสุขภาพจิต: ความโดดเดี่ยวอาจเป็นปัญหาสำคัญสำหรับผู้ที่ทำงานแบบ Remote แต่การได้เป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้สามารถช่วยต่อสู้กับสิ่งนี้เหล่าได้ การเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตสามารถทำให้ Co-working Space รู้สึกเหมือนบ้านหลังที่สอง ซึ่งผู้คนสามารถมาพบปะกันและสร้างมิตรภาพ ซึ่งการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมแบบนี้สามารถช่วยเรื่องสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ได้ด้วย 

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: การศึกษาแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ทำงานร่วมกันมักจะมีประสิทธิภาพมากกว่าผู้ที่ทำงานคนเดียว แต่นั่นไม่ได้เป็นการเจาะจงเฉพาะการอยู่ร่วมกันในสถานที่จริงเท่านั้น เพราะการอยู่ร่วมกันในพื้นที่เสมือน ที่แต่ละคนสามารถเดินไปคุยกันได้อย่างอิสระไม่ต่างจากตอนที่อยู่ในสถานที่จริงก็นับว่าเป็นการทำงานร่วมกันได้เช่นเดียวกัน ซึ่งการอยู่ในชุมชนสามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพของงานได้ โดยการแบ่งปันความรู้และทักษะระหว่างบุคคล และผ่านแรงบันดาลใจที่เกิดจากการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใช้ร่วมกัน  

หรือหากจะต้องการใช้ Virtual Co-working Space สำหรับทีมงานหรือกลุ่มส่วนตัว ก็สามารถทำได้ง่ายเช่นกัน เพราะ Platform ของ Virtual Space ส่วนใหญ่แล้ว จะสามารถสร้างพื้นที่เสมือนนี้ ได้ทั้งรูปแบบ สาธารณะ (Public) และ ส่วนตัว (Private) 

• Virtual Co-working Space ในรูปแบบสาธารณะ เรามักจะพบเจอผ่านกิจกรรม Online Workshop, Webinar, หรือ Online Event ต่างๆ 
• Virtual Co-working Space ในรูปแบบส่วนตัว อาจจะกำหนดสิทธิ์ให้เฉพาะสมาชิกเท่านั้น จึงจะเข้าร่วมได้ เช่น ออฟฟิศสำหรับทำงานภายในทีม ห้องเรียนออนไลน์ ห้องฝึกอบรม ห้องสัมภาษณ์งาน เป็นต้น  

Virtual Co-Working พื้นที่แห่งอนาคต ไม่ใช่เรื่องใหม่หรือเรื่องไกลตัว ซึ่งมาพร้อมกับข้อดีมากมายแต่ก็พ่วงมาด้วยความท้าทายเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นหากองค์กรไหนมองเห็นคุณค่า และสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทัน ก็จะแซงหน้าคนอื่นๆ ในยุคดิจิทัลนี้ได้อย่างแน่นอน ถ้าคุณอยากทำความรู้จักกับ Virtual Space Platform ให้มากขึ้น อย่าลืมตามไปอ่านบทความอื่นๆ ของเราได้เลย ที่นี่

Author: Pathompong A.