สรุปสิ่งที่น่าสนใจจากงาน Meta Connect 2023 กับเทรนด์ AI และเทคโนโลยีโลกเสมือน

งาน Meta Connect 2023 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 27-28 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการจัดงานประจำปีของ Meta สำหรับนักพัฒนา ครีเอเตอร์ และผู้ที่รักเทคโนโลยี โดยงานในปีนี้เน้นไปที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีโลกเสมือน (VR, AR และ MR)

Meta Quest 3: แว่นตา VR แบบสแตนด์อโลนรุ่นใหม่ล่าสุดของ Meta

Meta Quest 3 เป็นแว่นตา VR แบบสแตนด์อโลนรุ่นล่าสุดของ Meta ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon XR2 Gen 2 ล่าสุด รองรับการแสดงภาพแบบผสมผสาน (Mixed Reality) ซึ่งมีความสามารถในการผสมผสานโลกเสมือนเข้ากับความเป็นจริง (Augmented Reality)

โดยหน้าจอ LCD ที่ได้รับการปรับปรุงมีพิกเซลสูงกว่า 10 เท่า เมื่อเทียบกับ Meta Quest 2 และประสิทธิภาพดีขึ้นสองเท่า รวมถึงตัวเครื่องที่บางกว่า 40% แต่มีอัตราการรีเฟรชเท่าเดิมที่ 90 Hz นอกจากนี้ยังรองรับ Xbox Cloud Gaming และ Microsoft 365

สเปคเครื่อง: แรม 8GB พื้นที่เก็บข้อมูล 128GB หรือ 512GB  

ราคา: $499 และ $649.99 ตามลำดับ 

ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ Meta Quest 3 เพิ่มเติม คลิก

Ray-Ban Meta Smart Glasses: แว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุดของ Meta ที่ร่วมพัฒนากับ Ray-Ban  

แว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta เป็นผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์อีกชิ้นหนึ่งที่ Meta เปิดตัวในงาน Meta Connect 2023 แว่นตาอัจฉริยะนี้เกิดขึ้นได้จากการร่วมมือกับ Luxottica Group ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์แว่นกันแดด Ray-Ban ที่มีอยู่ก่อนแล้ว 

Ray-Ban Meta Smart Glasses มาพร้อมกับ Voice Assistant ในตัว กล้องวิดีโอ 12 MP, 1080p/60 FPS พร้อมเลนส์อัลตร้าไวด์ ลำโพงในตัว ไมโครโฟนห้าตัวสำหรับ Spatial Audio พร้อมกับ RAM 32 GB กันน้ำระดับ IPX4 และมีน้ำหนัก 48.6 กรัม, 50.8 กรัม, หรือ 49.2 กรัม 

Ray-Ban Meta Smart Glasses ถือได้ว่าเป็นแว่นที่มีกล้องวิดีโอความละเอียดสูง และรองรับการสตรีมวิดีโอและถ่ายทอดสด ซึ่ง Ray-Ban Meta Smart Glasses มีราคาที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับแว่นตาอัจฉริยะรุ่นอื่นๆ ในตลาด จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจใช้งานแว่นตาอัจฉริยะ 

ข้อมูลเกี่ยวกับ Ray-Ban Meta Smart Glasses เพิ่มเติม คลิก 

Emu: AI ช่วย Generate รูปภาพ 

หลังจากที่ OpenAI ประกาศการสนับสนุนภาพและเสียงสำหรับ ChatGPT ไปไม่กี่วัน Meta ก็ได้เปิดตัวบริการโมเดลการแปลงข้อความเป็นภาพอย่างเป็นทางการ ซึ่งเรียกว่า Emu หรือ Expressive Media Universe โดยโมเดล Emu ของ Meta สามารถสร้างภาพจากข้อความในเวลาเพียงห้าวินาทีเท่านั้น 

เห็นได้ชัดว่า Meta หวังว่าจะสามารถต่อสู้ในวงการ AI ต่อกรกับ DALL-E และ Midjourney โดยการพัฒนาตนเองให้สามารถตอบสนองความต้องการในการสร้างเนื้อหาภาพที่น่าสนใจ ซึ่ง Emu เคยอยู่ในระหว่างการทดสอบบน Instagram มาก่อน และเครื่องมือการสร้างภาพด้วย AI นี้จะสามารถใช้งานได้บน Instagram, WhatsApp, Facebook, และ Messenger 

ข้อมูลเกี่ยวกับ EMU เพิ่มเติม คลิก 

Meta AI: แพลตฟอร์ม AI ใหม่ล่าสุดของ Meta 

Conversational AI ได้กลายเป็นรากฐานของการพัฒนา AI ในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ Meta จึงต้องการใช้ประโยชน์จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้าน AI ที่มีอยู่นานด้วยการเปิดตัว Meta AI  

โดย Meta ได้เปิดตัว Chatbot ที่ใช้โมเดล LlaMA 2 เพื่อสร้างการตอบสนองที่มีลักษณะเป็นข้อความในการสนทนากับผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม Meta มีเป้าหมายที่ที่สูงกว่านั้น โดยการใช้งานข้อมูลแบบเรียลไทม์ ี้เพราะฉะนั้นจึงได้ตกลงร่วมมือกับ Microsoft เพื่อเชื่อมต่อเครื่องมือค้นหาอย่าง Bing เข้าไปในระบบเพิ่มเติมด้วย 

โดย Meta AI ในรุ่น Beta นี้จะเป็นผู้ช่วยสนทนาขั้นสูงที่สามารถใช้งานได้บน WhatsApp, Messenger, และ Instagram และรวมไปถึง Ray-Ban Meta Smart Glasses และ Quest 3 และในอนาคตอันใกล้ Meta AI ก็จะสามารถให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์และสร้างภาพที่สมจริงจากข้อความที่คุณใส่เข้ามาในเวลาเพียงไม่กี่วินาทได้แล้ว (มีให้บริการในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น) 

Meta ยังเปิดตัว AI อื่นๆอีก 28 ตัว ใน Beta Version  ที่มาพร้อมกับความสนใจและบุคลิกภาพที่ไม่ซ้ำกัน ซึ่งบางตัวได้รับการแสดงโดยบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น Snoop Dogg, Tom Brady, Kendall Jenner และ Naomi Osaka เป็นต้น 

ข้อมูลเกี่ยวกับ Meta AI เพิ่มเติม คลิก 

AI Studio: เครื่องมือสำหรับสร้างและฝึกฝนโมเดล AI 

หลายคนอาจจะคิดว่า Meta มุ่งเน้นการพัฒนาที่รองรับผู้ใช้งานทั่วไปเป็นหลัก แต่ความจริงแล้ว Meta ยังมีสิ่งที่เตรียมไว้สำหรับนักพัฒนา หรือ Independent Developer อย่าง Meta’s AI Studio ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้นักพัฒนาสามารถฝึกและสร้างหุ่นยนต์สนทนา AI ได้ด้วยตนเอง 

Meta กล่าวว่า “เรากำลังสร้าง ‘Sandbox’ ที่จะเปิดตัวในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ทุกคนสามารถทดลองสร้าง AI ของตนเองได้ ในขณะที่ AI ของเรายังคงเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เราจะนำ ‘Sandbox’ นี้ไปยัง Metaverse ให้คุณมีโอกาสสร้าง AI ที่ดูสมจริงและเชื่อมต่อกับระบบต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น” 

ข้อมูลเกี่ยวกับ Meta AI Studio เพิ่มเติม คลิก 

Mark Zuckerberg ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Meta ได้ขึ้นเวทีเพื่อกล่าวสุนทรพจน์หลักในงาน Meta Connect 2023 จากผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Meta ในการพัฒนาเทคโนโลยี VR และ AR และการสร้าง Metaverse

เราต้องทำให้มันราคาไม่แพงและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน และนั่นคือเหตุผลที่เราไม่เน้นเพียงแค่ด้านนวัตกรรมที่ล้ำสมัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการทำให้สิ่งเหล่านี้เข้าถึงได้สำหรับทุกคน เพราะสำหรับเรา นั่นเป็นสิ่งสำคัญพอๆ กับการพัฒนาเทคโนโลยี

Mark Zuckerberg, CEO of Meta

เช่นเดียวกับทีม ZyGen ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่คนเข้าถึงได้ และเข้ามาปฏิวัติการทำงานให้เกิดเป็นรูปแบบใหม่ๆ ตอบโจทย์ชีวิตของคนทำงานมากยิ่งขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และยกระดับการเรียนรู้อันไร้ขีดจำกัด ให้เทคโนโลยีเข้ามาขับเคลื่อนให้ทุกคนเดินไปข้างหน้าและพัฒนาไปพร้อมๆ กัน

ใครสนใจรับชมบรรยากาศงานย้อนหลังสามารถเข้าไปรับชมได้ที่ Meta Connect

Author: Pathompong A.

แชร์ :
Scroll to Top