Augmented Reality หรือ AR คือ เทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่างโลกเสมือนและโลกแห่งความเป็นจริงเข้าด้วยกัน โดยใช้ซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือแว่นตาเสมือนจริง ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นวัตถุเสมือนซ้อนทับกับโลกแห่งความเป็นจริงได้แบบเรียลไทม์ โดยวัตถุเสมือนเหล่านี้อาจเป็นภาพ วิดีโอ ข้อความ เสียง หรือข้อมูลอื่น ๆ ก็ได้ ซึ่งเป็นอีกเทคโนโลยีที่น่าจำตามองมากๆ ในปี 2024 ที่มีแนวโน้มว่าจะเน้นไปในเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยี พัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเทรนด์หลัก ๆ ที่คาดว่าจะได้เห็น ได้แก่
Generative AI
ในปี 2023 Generative AI เป็นเทคโลโนยีที่โด่งดังไปทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น Chat GPT หรือ Midjourney ที่เราสามารถพิมพ์คำสั่งหรือคำถามลงไป AI ก็จะประมวลผลลัพธ์มาให้เราได้เลยเพี่ยงไม่กี่วินาที ทำให้ในปัจจุบันเรามี AI ที่ฉลาดมากขึ้น มาช่วยอำนวยความสะดวกและให้ผลลัพธ์ที่สมจริงมากขึ้น
การนำ Generative AI มาผสมผสานกับ AR นั้นสามารถนำมาใช้ได้ในทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การแพทย์ เกมส์ หรือนำมาใช้กับการทำงานต่างๆ ในชีวิตประจำวัน และเมื่อรวมเข้ากับภาพ 3D และ Virtual Reality ก็ยิ่งทำให้เกิดภาพเสมือนจริงที่ไร้ขีดจำกัด ตัวอย่างเช่น Google Arts & Culture ใช้ Generative AI สร้างแบบจำลองสามมิติของผลงานศิลปะที่มีชื่อเสียง สามารถสำรวจแบบจำลองในรูปแบบเสมือนจริงและเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลงานศิลปะนั้นๆ ได้ ซึ่งทำให้เราได้ทั้งความรู้และความสนุก เป็นต้น
Immersive E-Commerce
การนำ AR มาใช้กับร้านค้านั้นมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งในร้านค้าแบบเดิมๆ ให้สะดวกขึ้น เช่น การนำ AR มาใช้ในการทดลองสินค้าก่อนซื้อ อย่างแอปพลิเคชัน IKEA Place ที่สามารถจำลองการตกแต่งห้องด้วยการวางเฟอร์นิเจอร์แบบเสมือนได้ หรือแอป E-Commerce และแบรนด์เครื่องสำอางค์ต่างๆ เองก็มีการนำ AR มาเป็นฟิลเตอร์ในการแต่งหน้าหรือทาลิปสติกแบบเสมือน เป็นต้น ซึ่งในปีหน้าเราก็จะได้เห็น AR ในร้านค้ามากขึ้นและทำให้เราได้ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ง่ายและสมจริงขึ้นไปอีกขั้น
AR Wearables
อุปกรณ์สวมใส่ AR เช่น แว่นตาอัจฉริยะ และหมวกกันน็อค VR ที่มีแน้วโน้มว่าการสวมใส่อุปกรณ์เหล่านี้จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปี 2024 อย่างแว่นตา AR อัจฉริยะ ที่บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง Apple และ Google ได้มีการลงทุนเกี่ยวกับอุปกรณ์เหล่านี้ ใม่นานเราอาจจะได้ใช้แว่นตาที่มีทั้งน้ำหนักเบามากขึ้น และใช้งานได้ดีกว่าเดิม หรือหมวกกันน็อคที่นำเทคโนโลยีทั้ง AR และ VR มาผสมผสานกัน ทำให้การใช้ชีวิตเราปลอดภัยขณะใช้งานอุปกรณ์
Mobile AR Tools
โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันทำให้เราได้เห็นความสามารถของ AR ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น แต่ยังคงความใช้งานง่ายและ User-friendly เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายต่อผู้ใช้งาน ตั้งแต่ประสิทธิภาพของกล้อง เซนเซอร์การรับภาพ และ พลังการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้มีแนวโน้มที่เราอาจจะได้เห็นเทคโนโลยีนี้ในเวอร์ชันที่แม่นยำยิ่งกว่าเดิมในปี 2024
Collaborative Working
ในปี 2024 นี้ เราอาจจะได้เห็นการทำงานแบบ Remote ที่พนักงานทำงานกันต่างสถานที่ ต่าง Time Zone แต่เชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยีอย่าง VR และ AR ที่จะเป็นตัวกลางในการทำงานร่วมกัน ดังนั้น เราจะเห็นการพัฒนาที่ละเอียดมากขึ้น เพื่อทำให้เราเหมือนได้ทำงานกันได้อย่างใกล้ชิดแบบสมจริง
AR in Healthcare
เทคโนโลยี AR นั้น เริ่มเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมสุขภาพ โดยมีการนำมาประยุกต์ใช้ในวงการการแพทย์มากขึ้น อย่างในการศัลยกรรมที่มีนำ AR เข้ามาช่วยประเมินคนไข้ในระหว่างการทำหัตถการ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ โดยคนไข้เองก็สามารถเข้าถึง AR App เพื่อช่วยประเมินสุขภาพตนเองได้ด้วย
Mixed Reality (MR) – AR and VR Convergence
ทั้ง AR และ VR ถึงแม้ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน แต่ก็เป็นส่วนสำคัญในยุคปัจจุบันเลยที่ทำให้โลกออนไลน์ของเรานั้นมีความสมจริงยิ่งขึ้น เมื่อเราเอา 2 เทคโลโนยีมาผนวกเข้ากัน ยกตัวอย่างเช่น การดูคอนเสิร์ตแบบส่วมแว่น AR เราจะเห็นภาพคอนเสิร์ตแบบ Virtual ที่เหมือนเราได้เข้าไปยืนอยู่ใน Hall คอนเสิร์ตจริงๆ โดยมีเพื่อนเราสนุกไปกับคอนเสิร์ตด้วย แม้ว่าเรากับเพื่อนจะอยู่กับคนละสถานที่ นี่คือความผสมผสานของ Reality และ Virtual ที่ในปี 2024 เราจะได้สนุกกันแบบสมจริงกันมากขึ้น
Immersive Training And Education
การใช้ AR และ VR เข้ามาประยุกต์ใช้กับการศึกษา ณ ปัจจุบันกำลังแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่มีการใช้ห้องเรียนเสมือนหรือ Virtual Classroom สามารถใช้ในการสอนนักเรียนเกี่ยวกับแนวคิดที่ซับซ้อน การฝึกฝนทักษะ และสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีส่วนร่วม อย่างเช่น นำ AR สามารถใช้ในการสอนนักเรียนเกี่ยวกับระบบสุริยะ การฝึกฝนทักษะการผ่าตัด หรือสร้างประสบการณ์พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง
Immersive Advertising
เป็นรูปแบบโฆษณาที่พยายามทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของโฆษณา ทำให้สร้างความประทับใจและมีส่วนร่วมกับผู้ชมได้มากกว่าโฆษณาแบบเดิมๆ ตัวอย่างเช่น แบรนด์ Nike นำ AR กับ AI มาใช้ในการโฆษณารองเท้าแบบเสมือน
แบรนด์ Snapchat Lenses ที่ทำ filter ใหม่ๆ ออกมาให้ผู้ชมได้สนุกและมีส่วมร่วมกับแบรนด์มากขึ้น เป็นต้น
ซึ่งในปีหน้าเราจะได้เห็นแบรนด์ต่างๆ นำ AR และ AI เข้ามาผสมผสานกันให้เราได้สนุกกันมากขึ้นแน่นอน
Immersive Tourism
เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่พยายามทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ โดยการท่องเที่ยวประเภทนี้สามารถทำให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและน่าจดจำขึ้น เพราะเราสามารถโต้ตอบกับธรรมชาติและเห็นความเคลื่อนไหวได้อย่างสมจริง ทั้งภาพ สี เสียงที่คมชัด เช่น พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ Smithsonian ในวอชิงตัน ดี.ซี. ใช้ AR เพื่อช่วยให้นักท่องเที่ยวเรียนรู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์ภาพเสมือนจริง และสามารถโต้ตอบกับไดโนเสาร์ได้อีกด้วย
อีกตัวอย่างใกล้ตัวก็คือ Google Earth แอปพลิเคชันที่ช่วยให้เราได้สำรวจโลกเสมือนจริงได้จากทุกที่บนโลก สามารถโต้ตอบกับสถานที่ท่องเที่ยวเสมือนจริงและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ ได้ เป็นต้น
แน่นอนว่าในปีหน้าสิ่งเรานี้ก็จะยังคงได้เห็นการเข้ามาของเทคโลโนยี AR, VR, MR, AI ต่างๆ เหล่านี้ไปอีกเรื่อยๆ ซึ่งจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกของเราในหลาย ๆ ด้าน และได้ใช้ในบริบทที่หลากหลายมากขึ้น เปลี่ยนการรับรู้และชีวิตประจำวันแบบเดิมๆ ของเรา ให้กลายเป็นประสบการณ์ใหม่ที่น่าจดจำ
Sources:
Top 10 AR, VR, and Immersive Internet Trends in 2024
The 10 Biggest AR, VR And Immersive Internet Trends In 2024
Explore the Top 10 Augmented Reality Trends in 2024
Author: Sathinee P.