Extensibility ของ SAP S/4HANA Cloud เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลูกค้าและพาร์ทเนอร์สามารถปรับแต่งซอฟต์แวร์ธุรกิจให้ตรงตามความต้องการของตนเอง ช่วยให้การปรับแต่งระบบที่สร้างขึ้นโดยใช้ฟังก์ชันภายใน (Built-in) แยกออกจากเลเยอร์ซอฟต์แวร์ธุรกิจหลัก ซึ่ง SAP จะผลักดันการอัพเกรดไปยังระบบของลูกค้าทุกรายโดยไม่ส่งผลต่อระบบที่มีอยู่เดิม โดย SAP Business Technology Platform (BTP) รองรับการปรับแต่งที่หลากหลาย เนื่องจากมีศักยภาพมากมายในการสร้างและดูแลแอปพลิเคชันรวมถึงการเชื่อมต่ออีกด้วย
เครื่องมือขยายความสามารถใน SAP S/4HANA Cloud Private Edition แบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ In-App Extensibility และ Side-by-Side Extensibility ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถสร้างระบบที่เสถียรและรองรับการอัพเกรดได้อย่างราบรื่น บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเครื่องมือและเทคนิคต่างๆ ที่สามารถใช้เพื่อปรับแต่งและขยายความสามารถของ SAP S/4HANA Cloud Private Edition ให้ตรงกับความต้องการทางธุรกิจของคุณ
Table of Contents
ทำความรู้จัก Building Lifecycle-Stable Extensions in SAP S/4HANA Cloud
Extensibility เป็นคุณสมบัติที่ครอบคลุมหลายหัวข้อ ช่วยให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์สามารถปรับแต่งซอฟต์แวร์ธุรกิจให้ตรงตามความต้องการทางธุรกิจของตนเอง ซึ่งรวมถึง
- การเปลี่ยนแปลงการทำงานของซอฟต์แวร์ที่อยู่นอกเหนือ configuration
- การขยายโมเดลข้อมูล (Data Model Extensions)
- การเปิดเผยข้อมูล (Data Exposure)
- การแก้ไข Layout ของ User Interfaces (UIs), ฟอร์ม และรายงาน
- การสร้าง UI ใหม่หรือการสร้างแอปพลิเคชันของตนเอง
โครงสร้างของ SAP S/4HANA Cloud ช่วยให้การปรับแต่งระบบที่สร้างขึ้นโดยใช้ฟังก์ชันภายใน (Built-In) แยกออกจากเลเยอร์ซอฟต์แวร์ธุรกิจหลัก ซึ่งหมายความว่า SAP สามารถผลักดันการอัพเกรดไปยังระบบของลูกค้าทุกราย โดยไม่ส่งผลต่อการปรับแต่งเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย้ การปรับแต่งใดๆ ที่ไม่สามารถดำเนินการในแกนหลักของ SAP S/4HANA Cloud ควรแยกออกมาต่างหาก เพื่อให้แน่ใจว่าระบบหลักมีความเสถียรตลอดอายุการใช้งาน โดย SAP Business Technology Platform (BTP) รองรับการปรับแต่งที่ถูกแบ่งออกมาเหล่านี้ เนื่องจากมีศักยภาพมากมายในการสร้างและดูแลแอปพลิเคชันรวมถึงการเชื่อมต่อ
Extensibility Technologies
Extensibility ใน SAP S/4HANA Cloud Private Edition แบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ in-app extensibility และ side-by-side extensibility.
In-App Extensibility ของ SAP S/4HANA Cloud Private Edition
In-App Extensibility เป็นแนวทางการปรับแต่งระบบที่ดำเนินการภายในแอปพลิเคชันหลัก (SAP S/4HANA) ไม่ว่าจะเป็นส่วน front-end หรือส่วน back-end ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภทดังนี้
- Key User Extensibility วิธีนี้ดำเนินการการปรับแต่งบน Development system ผ่าน SAP Fiori Apps ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการเขียนโค้ด สามารถปรับเปลี่ยน แก้ไข แอปพลิเคชัน, รายงาน และ templates ของอีเมลกับฟอร์มได้ง่าย
- Developer Extensibility ช่วยให้นักพัฒนา ABAP สามารถเขียนโค้ดและสร้าง extensions ภายใต้รูปแบบการเขียนโปรแกรมที่รองรับการอัพเกรดและพร้อมใช้งานบนคลาวด์ โดยอนุญาตให้ปรับแต่งเฉพาะส่วนประกอบ SAP ที่ถูก release แล้วเท่านั้น ซึ่งจะช่วยให้ extensions ของคุณมีความเสถียรแม้จะมีการอัพเกรดระบบในอนาคต
Side-by-Side Extensibility ของ SAP S/4HANA Cloud Private Edition
Side-by-Side Extensibility เป็นแนวทางการปรับแต่งระบบที่ดำเนินการในแพลตฟอร์มที่แยกต่างหากจากแอปพลิเคชันหลัก และทำการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันเป้าหมาย (SAP S/4HANA Cloud) วิธีนี้ช่วยให้การปรับแต่งระบบของคุณมีความเสถียรตลอดอายุการใช้งาน แม้จะมีการอัพเกรดระบบในอนาคต เนื่องจาก extensions ที่พัฒนาจะทำงานบนแพลตฟอร์มที่แยกออกมา โดยอาศัยการเชื่อมต่อ (integration) เพื่อสื่อสารกับแอปพลิเคชันเป้าหมาย
แพลตฟอร์มการพัฒนาของ SAP คือ SAP Business Technology Platform (BTP) ซึ่งมีทั้งโซลูชันการพัฒนาแบบ low-code/no-code และแบบ code-based development โดยมีโซลูชันหลักๆ ดังนี้
- SAP Build ซึ่งลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ผ่านแพ็คเกจ GROW with SAP เป็นโซลูชันแบบ low-code/no-code ครอบคลุมฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Build Apps, Build Process Automation และ Build Work Zone
- SAP Business Application Studio ช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้ภาษาที่นิยมใช้กันทั่วไป เช่น Java, Javascript และ Python เพื่อสร้างและรันแอปพลิเคชันธุรกิจของ SAP โดยใช้รูปแบบ Cloud Application Programming (CAP) นอกจากนี้ยังมีใช้งาน Software Developer Kits (SDKs) ในหลายๆกรณี (เช่น Java SDK, iOS mobile SDK, Android mobile SDK) เพื่อให้นักพัฒนาสามารถเริ่มต้นพัฒนาได้อย่างรวดเร็วด้วยฟีเจอร์ล่าสุด
- บริการอื่นๆ ที่รองรับ Side-by-Side Extensibility สามารถอ่านคำอธิบายเพิ่มเติมได้ที่ SAP Discovery Centered
Extensibility Decision Tree
Decision Tree จะช่วยให้คุณเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการปรับแต่งระบบ SAP S/4HANA Cloud Private Edition
Three-Tier Extensibility Model for Custom Developments
สิ่งสำคัญสำหรับการแปลงระบบ (system conversion) คือการปรับปรุง extensions ที่สร้างโดยใช้ ABAP แบบดั้งเดิม (classical ABAP) ให้สอดคล้องกับมาตรฐาน Clean Core ในปัจจุบัน
ABAP extensions แบบดั้งเดิมเหล่านี้เรียกว่า Tier 3 extensions ซึ่งไม่อิงตาม syntax rules ที่ใช้กับ ABAP Cloud ของ SAP S/4HANA (developer extensibility) ส่งผลให้ระบบของลูกค้าไม่เสถียรและอัพเกรดได้ยากขึ้นในอนาคต แม้ว่าการใช้ SAP Readiness Check จะสามารถระบุโค้ดที่มีปัญหา ซึ่งจำเป็นต้องลบหรือแก้ไขก่อนดำเนินการแปลงระบบ (system conversion) ได้ แต่ก็ยังคงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขโค้ดเพิ่มเติมเพื่อให้ทันสมัยหลังการแปลงระบบ เป้าหมายคือการทำให้ระบบของลูกค้ามีความเสถียรที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเพื่อให้การอัพเกรดในอนาคตทำงานได้อย่างราบรื่น
เป้าหมายสำหรับระบบของลูกค้า: มีส่วนขยายเฉพาะที่่ Tier 1 เท่านั้น
- Tier 1 หมายถึงการสร้างส่วนขยายภายในแอปพลิเคชัน ผ่านทางSAP Fiori Apps (key user extensibility) หรือ สภาพแวดล้องของ ABAP Cloud Development (developer extensibility) เพื่อสร้างแอปพลิเคชันหรือส่วนขยาย ที่พร้อมใช้งานบนคลาวด์และสามารถอัพเกรดได้ง่าย ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับระบบ SAP S/4HANA Cloud Public Edition
- ส่วนขยายที่อยู่ในส่วนของ Tier 1 ช่วยให้ระบบของลูกค้ามีความเสถียรและง่ายต่อการอัพเกรด ดังนั้นควรมีรูปแบบตั้งต้นพื้นฐานสำหรับการสร้างส่วนขยายใหม่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นระบบ SAP S/4HANA ที่แปลงมาแล้วหรือระบบใหม่ที่ติดตั้งสำหรับการใช้งานใหม่
- เนื่องจากบางครั้งอาจไม่มีส่วนขยายบน Tier 1 ที่ตรงตามความต้องการสำหรับใช้ในการแทนที่ส่วนขยายในส่วนของ Tier 3 ดังนั้น จึงมีส่วนขยายบน Tier 2 เพื่อช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้าง wrapper objects สำหรับ objects ของ SAP ที่อาจยังไม่ได้ release ส่งผลให้ไม่สามารถปรับแต่งด้วยส่วนขยายบน Tier 1 ได้ เมื่อ API ของ SAP สำหรับ objects ที่ release ใน Tier 1 มีให้ใช้งานแล้ว นักพัฒนาควรแทนที่ wrapper objects ที่่สร้างขึ้น (Tier 2) ด้วยส่วนขยายบน Tier 1 ใหม่ เพื่อช่วยให้ระบบหลักของลูกค้า “สะอาด (clean)” ซึ่งจะช่วยให้การอัพเกรดระบบในอนาคตง่ายขึ้น
SAP Extensibility Explorer
เว็บไซต์ SAP Extensibility Explorer (https://extensibilityexplorer.cfapps.eu10.hana.ondemand.com/ExtensibilityExplorer/ ) เป็นแหล่งข้อมูลที่ยอดเยี่ยมสำหรับใช้ในการค้นหา sample scenarios, use cases และ learning resources
SAP Business Accelerator Hub
หลังจากสร้างส่วนขยายเสร็จแล้ว คุณจะต้องทำ integrate เข้ากับระบบเป้าหมาย SAP S/4HANA Cloud Private Edition ค้นหาคลังของ prepackaged integrations, APIs, events, connectors, CDS views, workflow, SAP Build Template และอื่นๆ ได้ที่ SAP Business Accelerator Hub
Tips
การค้นหาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องใน SAP Business Accelerator Hub สำหรับ SAP S/4HANA Cloud Private Edition หากคุณเลือก Tile ของ SAP S/4HANA Cloud Private Edition ที่ออกแบบมาเฉพาะ ซึ่งจะแสดงเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับโซลูชันเท่านั้น รวมถึง extensions ที่่ใช้ใน ABAP Cloud landscape ซึ่งรองรับ developer extensibility
กรณีที่นักพัฒนาไม่พบเนื้อหาที่ต้องการ สามารถยื่นคำขอได้โดยใช้แท็บ “Feedback” ทางด้านขวาของหน้าจอ จากนั้นเลือก “Customer Influence” ที่เกี่ยวข้องเพื่ออธิบายเนื้อหาได้เลย
Author: Nutthanan S.