การทำงานในรูปแบบ Work from Home หรือ Work from Anywhere เป็นรูปแบบการทำงานที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งหลายองค์กรได้นำเข้ามาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับวัฒนธรรมขององค์กรได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม การทำงานในรูปแบบเหล่านี้ ที่พนักงานอาศัยอยู่คนละสถานที่ และมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันในรูปแบบออนไลน์ ก็อาจทำให้เกิดความเครียดได้เช่นกัน
สาเหตุของความเครียดในการทำงานแบบ Work from Home
สาเหตุนั้นมีหลายประการ ขอยกตัวอย่างเช่น
- การขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม (Isolation) อาจนำไปสู่ความรู้สึกเหงา เครียด และภาวะ Burnout ได้
- สับสนเกี่ยวกับบทบาทและขอบเขตการทำงาน (Confusion About Roles and Responsibilities) อาจนำไปสู่ความรู้สึกเครียดและวิตกกังวล
- ความยากลำบากในการแบ่งแยกเวลาทำงานและเวลาส่วนตัว (Work-life Blur) อาจนำไปสู่การทำงานหนักเกินไปและรู้สึกเหนื่อยล้าได้
- ความยากลำบากในการจัดการเวลา (Time Management Woes) อาจนำไปสู่ความเครียดและรู้สึกกดดัน
- สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย (Distracting Environment) เช่น เสียงรบกวน หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย อาจทำให้พนักงานรู้สึกเครียดและประสิทธิภาพในการทำงานลดลงได้
วิธีรับมือกับความเครียดในการทำงานแบบ Work from Home
หากพนักงานหรือคนในทีมรู้สึกเครียดในการทำงานแบบ Work from Home ก็มีหลายวิธีที่สามารถช่วยให้รับมือกับความเครียดได้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างดังนี้
- เพิ่ม Social Connect: การเพิ่มปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับเพื่อนร่วมงานและผู้อื่น อาจทำได้โดยการเข้าร่วมกิจกรรมออนไลน์ เช่น งานเลี้ยงสังสรรค์ออนไลน์ การเล่นเกมออนไลน์ เป็นต้น หรืออาจจะมีการนัดวันที่พบปะ เจอกันแบบ Physical ด้วย เพื่อยังคงรักษาความสัมพันธ์ทีดีไว้
- กำหนดขอบเขตการทำงาน: การกำหนดขอบเขตการทำงานของตนเองให้ชัดเจนนั้น ก็เพื่อที่จะแยกแยะระหว่างเวลาทำงานและเวลาส่วนตัว เช่น ควรจะไปทานอาหารกลางวันเมื่อถึงเวลา หรือการเลิกงานตามเวลาปกติ และทำงานที่ยังไม่เสร็จในวันถัดไป เพื่อไม่ให้เกิดความเคยชินในการทำงานล่วงเวลา เป็นต้น
- จัดสรรเวลาให้เหมาะสม: พนักงานควรจัดสรรเวลาให้เหมาะสมทั้งในการทำงานและพักผ่อน เพื่อไม่ให้รู้สึกเหนื่อยล้าและเครียดจนเกินไป
- หากิจกรรมผ่อนคลาย: หลังจากการทำงานที่เหนื่อยล้ามาทั้งวันแล้ว ก็ควรจะหากิจกรรมผ่อนคลายที่ตนเองชื่นชอบ เพื่อช่วยลดความเครียด เช่น การออกไปเดินเล่น การดูหนัง/ซีรีย์เพื่อผ่อนคลาย หรือการออกกำลังกาย เป็นต้น
นอกจากนี้ องค์กรควรมีนโยบายและมาตรการที่เอื้อต่อการทำงานรุปแบบ Work from Home เช่น
- กำหนดนโยบายการทำงานที่ชัดเจน เช่น หน้าที่ขอบเขตการรับผิดชอบ การส่งมอบงาน การนัดหมายประชุม การมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของบริษัท เป็นต้น
- สนับสนุนเครื่องมือและเทคโนโลยีในการทำงาน เช่น ระบบต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริม Productivity, Virtual Workplace, อินเทอร์เน็ต รวมไปถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
- ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เช่น การกำหนดการทำกิจกรรมร่วมกันของพนักงาน เพื่อยังคงรักษาความสัมพันธ์และสร้างให้เกิด Teamwork
การทำงานแบบ Work from Home นั้นมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็ควรจะตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่จะก่อให้เกิดความเครียดในการทำงานด้วย ซึ่งวิธีบรรเทาก็คือการหาวิธีรับมือกับความเครียดอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นจากพนักงานเองหรือองค์กร เพื่อให้การทำงานแบบ Work from Home ทุกๆ วันยังคงเป็นสิ่งที่สร้างความสุขและเพิ่มความยืดหยุ่น พร้อมคงประสิทธิภาพในการทำงานไว้ให้มีคุณภาพตามเป้าหมายในระยะยาวด้วย
Source:
How Blurred Boundaries between Work and personal life Contribute to Employee Burnout,The Work-Life Blur
5 Causes of Remote Work Stress (and strategies to address them)
Author: Sathinee P.