SAP S/4HANA ต่างจาก SAP ECC อย่างไร: เจาะลึก 6 หัวข้อเปรียบเทียบเชิงเทคนิค

SAP ECC กำลังจะกลายเป็นอดีต — ภายในปี 2027 หรือช้าที่สุด 2030 SAP จะหยุดการสนับสนุนระบบ ECC อย่างเป็นทางการ หลายองค์กรจึงต้องเริ่มต้นวางแผนการเปลี่ยนผ่านสู่ SAP S/4HANA อย่างจริงจัง

แต่คำถามสำคัญคือ… SAP S/4HANA ต่างจาก ECC อย่างไรในเชิงเทคนิค โดยเฉพาะในมุมของ ABAP

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึก ทั้ง Architecture, Performance, ABAP Development, Integration และ Custom Code เพื่อให้ทีม IT ทั้งระดับปฏิบัติการและผู้จัดการสามารถวางแผนการ Migrate ได้อย่างมั่นใจ และรู้ว่าควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

1. Architecture & Database: จากความยืดหยุ่น สู่ความเร็ว

SAP ECC: รองรับฐานข้อมูลที่หลากหลาย เช่น Oracle, Microsoft SQL Server และ IBM DB2 ซึ่งช่วยให้แต่ละองค์กรสามารถเลือกใช้ฐานข้อมูลที่เหมาะสมกับโครงสร้างพื้นฐานของตนเองได้ อย่างไรก็ตาม SAP ECC ใช้ Row-based Storage ซึ่งเหมาะสำหรับการประมวลผลข้อมูลเชิง Transactional แต่เมื่อมีการดึงข้อมูลจำนวนมากหรือทำ Analytical Query อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลง เนื่องจากต้องอ่านข้อมูลทีละแถว 

SAP S/4HANA: ใช้งานได้บนฐานข้อมูล SAP HANA เท่านั้น ซึ่งเป็น In-Memory Database ที่ออกแบบมาเพื่อให้ประมวลผลข้อมูลได้รวดเร็วขึ้นโดยใช้ Columnar Storage การจัดเก็บข้อมูลแบบคอลัมน์ช่วยให้ Query ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะการทำ Aggregation และ Analytics นอกจากนี้ SAP S/4HANA ได้ลดความซับซ้อนของโครงสร้างฐานข้อมูลโดยลดจำนวนตาราง เช่น ตาราง BSIS, BSIK, BSAS, BSAK ใน ECC ถูกควบรวมเป็น ACDOCA หรือ Universal Journal ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการ Join ตารางหลาย ๆ ตารางในการประมวลผลข้อมูลทางบัญชี 

💡 Key Takeaway: ระบบเร็วขึ้นมากโดยในบาง Scenario ไม่ต้อง Join ตารางจำนวนมากอีกต่อไป

2. ABAP & Development: จาก SELECT * สู่ CDS & RAP 

SAP ECC: ใช้ Classical ABAP Model สำหรับการพัฒนา เช่น ALV Reports, SmartForms และ SAPScripts ซึ่งเหมาะสำหรับการทำรายงานและการพิมพ์เอกสาร อย่างไรก็ตาม โค้ด ABAP แบบเดิมมักใช้การ Query ข้อมูลด้วย SELECT * FROM Table ซึ่งอาจส่งผลให้การดึงข้อมูลช้าลงเมื่อปริมาณข้อมูลเพิ่มขึ้น 

SAP S/4HANA: รองรับเทคโนโลยีการพัฒนาใหม่ เช่น ABAP Core Data Services (CDS Views) และ ABAP RESTful Programming Model (RAP) ซึ่งช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลมีประสิทธิภาพขึ้น อีกทั้งยังสนับสนุน SAP Fiori/UI5 สำหรับการพัฒนา UI ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ และสามารถทำงานบนอุปกรณ์ที่หลากหลายได้สะดวกขึ้น CDS Views ช่วยให้การ Query ทำได้เร็วขึ้นเนื่องจากรองรับ In-Memory Processing โดยตรง 

💡 Key Takeaway: Developer ต้องเรียนรู้ CDS & RAP เพื่อดึงประสิทธิภาพจาก HANA ได้เต็มที่ 

3. Integration & Interfaces 

SAP ECC: ใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบดั้งเดิม เช่น IDoc, RFC และ BAPI เป็นหลัก สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบ SAP และระบบภายนอก ในขณะที่การแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบ Batch Processing จะใช้ File-based Integration ผ่านรูปแบบไฟล์ CSV, XML และ FTP นอกจากนี้ ECC ยังรองรับการเชื่อมต่อแบบ REST API ผ่าน OData โดยใช้ SAP Gateway แต่การตั้งค่าอาจมีความซับซ้อน และโดยทั่วไป ECC มักต้องการ Middleware เช่น SAP PI/PO หรือเครื่องมืออื่นๆ เพื่อจัดการการเชื่อมต่อกับระบบภายนอกให้มีประสิทธิภาพ 

SAP S/4HANA: ยังคงรองรับการเชื่อมต่อแบบดั้งเดิมเช่นเดียวกับ ECC แต่ได้เพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อที่ทันสมัยขึ้น โดยมีการรองรับ OData และ REST API ในระบบหลัก ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยตรงมากขึ้น นอกจากนี้ การใช้ SAP Business Technology Platform (BTP) และ SAP API Hub ยังช่วยให้การบริหารจัดการ API ทำได้สะดวกยิ่งขึ้น

💡 Key Takeaway: ลดภาระการเชื่อมต่อผ่าน Middleware และเปิดทางสู่โลกของ Cloud Native Integration

4. Security & Authorizations 

SAP ECC: ใช้ระบบ Role-based Authorization ผ่าน SAP GUI โดยใช้เครื่องมือ PFCG และ SU01 ซึ่งเป็นวิธีการกำหนดสิทธิ์แบบดั้งเดิม 

SAP S/4HANA: มีการพัฒนาระบบความปลอดภัยให้ก้าวหน้าขึ้นด้วย SAP Fiori Launchpad Security ซึ่งสามารถกำหนด Spaces & Pages เพื่อควบคุมการเข้าถึง UI นอกจากนี้ยังรองรับ HANA Database Security ที่มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย เช่น Encryption, Data Masking และ Identity Authentication Service (IAS) ซึ่งช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูล

💡 Key Takeaway: การควบคุมสิทธิ์ข้ามระบบมากขึ้น ต้องเข้าใจ Security Layer ทั้ง Application และ Database 

5. Performance Optimization: จาก Application Layer สู่ Database Layer 

SAP ECC: อาศัย Indexes และ Aggregates เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Query อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้ก็มาพร้อมกับความท้าทายเรื่องขนาดของฐานข้อมูลที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ตามจำนวนของ Index หรือ Aggregate ที่เราสร้างขึ้น นอกจากนี้ แนวคิดด้านการเขียนโปรแกรม (Programming Concept) จะเน้นการใช้ศักยภาพของ Application Layer มากกว่า Database Layer โดยเน้นการดึงข้อมูลออกมาและประมวลผล Logic ภายในโปรแกรมแทนการให้ฐานข้อมูลจัดการทั้งหมด 

SAP S/4HANA: ใช้ In-Memory Computing ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ Aggregates อีกต่อไป นอกจากนี้ยังรองรับ Programming Concept อย่าง Code Pushdown เช่น เทคนิคอย่าง ABAP Managed Database Procedures (AMDP) ซึ่งช่วยลดภาระการประมวลผลบน Application Layer และใช้ความสามารถของ Database Layer อย่างมีประสิทธิภาพ หรือ Query Statement ที่มีความสามารถในการเพิ่ม Calculation Logic อีกด้วย 

💡 Key Takeaway: การใช้เทคนิคเช่น CDS, AMDP, New SQL Syntax ที่ใช้ประสิทธิภาพของฐานข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

6. Custom Code Adaptation: Always Custom Code สู่ Clean Core Concept 

SAP ECC: องค์กรสามารถพัฒนา Custom Code เช่น Z Reports, Enhancements และ User Exits เพื่อปรับแต่งระบบให้ตรงกับความต้องการ อย่างไรก็ตาม โค้ดที่พัฒนาขึ้นอาจไม่สามารถใช้งานได้บน SAP S/4HANA โดยตรง 

SAP S/4HANA: ต้องทำ Custom Code Migration โดยใช้เครื่องมือ SAP Readiness Check และ ABAP Test Cockpit (ATC) เพื่อตรวจสอบว่าโค้ดใดต้องปรับปรุง นอกจากนี้ SAP แนะนำให้เปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น CDS Views, OData และ SAP Fiori แทนการใช้ ABAP แบบดั้งเดิม เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพบนระบบ S/4HANA

💡 Key Takeaway: เริ่มวางแผน Refactor Custom Code ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้รองรับ Clean Core และรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต 

ประเด็นสำคัญเมื่อต้องพิจารณาด้านกลยุทธ์และธุรกิจ 

นอกเหนือจากเรื่องความแตกต่างด้านเทคนิคของ SAP ECC และ S/4HANA แล้ว ผู้บริหารอย่าง CEO, CTO และผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านจากระบบเดิมไปสู่ระบบใหม่ด้วย ดังนี้

1. Deployment Options & Cloud Strategy

SAP S/4HANA รองรับการติดตั้งหลายรูปแบบ ได้แก่ On-Premise, Private Cloud, และ Public Cloud ขณะที่ SAP ECC เป็นระบบที่ส่วนใหญ่อยู่บน On-Premise การเลือก Deployment Model ที่เหมาะสมส่งผลต่อการลงทุนระยะยาว ความยืดหยุ่น และการบริหารจัดการระบบ

• On-Premise: ควบคุมระบบทั้งหมดได้ แต่ต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 
• Private Cloud: มีความยืดหยุ่นขึ้น ลดภาระการดูแลเซิร์ฟเวอร์ 
• Public Cloud: ลดต้นทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ต้องพิจารณาการปรับแต่ง Custom Code ให้เหมาะสม 

2. Business Process Changes & Best Practices

SAP S/4HANA นำแนวคิด SAP Best Practices มาใช้ ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถใช้กระบวนการที่ปรับให้เหมาะสมและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ลดความจำเป็นในการพัฒนา Custom Code ที่ซับซ้อน SAP ECC เปิดโอกาสให้มีการปรับแต่งระบบสูง ซึ่งอาจทำให้กระบวนการซับซ้อนขึ้นเมื่อเปลี่ยนไปใช้ S/4HANA

ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ:

• การจัดการบัญชี (Finance) ผ่าน Universal Journal (ACDOCA) 
• การเปลี่ยนแนวทาง Material Ledger ให้เป็น Mandatory 
• การใช้ Embedded Analytics ช่วยให้ธุรกิจวิเคราะห์ข้อมูลได้แบบ Real-time 

3. Embedded Analytics & Reporting

SAP S/4HANA มี Embedded Analytics ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดูรายงานและวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Real-time ผ่าน SAP Fiori โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องมือ BI ภายนอก เช่น SAP BW หรือ SAP BusinessObjects

• SAP S/4HANA ใช้ CDS Views และ SAP Fiori Analytical Apps 
• ลดความจำเป็นในการดึงข้อมูลไปยัง Data Warehouse 
• สามารถทำ Drill-down ข้อมูลได้จาก UI เดียว 

4. Machine Learning & AI Capabilities

SAP S/4HANA นำ AI และ Machine Learning มาใช้เพื่อเพิ่ม Automation & Intelligence ในกระบวนการทางธุรกิจและการพัฒนาโปรแกรม โดยรองรับทั้ง SAP AI Core, SAP AI Business Services และ Generative AI เช่น Joule และ ABAP GitHub Copilot 

1. AI ในกระบวนการทางธุรกิจ

• Cash Application: ใช้ AI จับคู่ใบแจ้งหนี้กับการชำระเงินโดยอัตโนมัติ 
• Predictive MRP: คาดการณ์ความต้องการวัตถุดิบและวางแผนการจัดซื้อได้แม่นยำขึ้น 
• Intelligent RPA (iRPA): ลดงาน Manual โดยใช้ Bot อัตโนมัติ 

2. AI ในการพัฒนา ABAP

Joule – Generative AI Copilot สำหรับนักพัฒนา ABAP

• สร้าง ABAP Business Objects อัตโนมัติ 
• ช่วยเติมโค้ด (Code Completion) และอธิบายโค้ด (Explain Code) 
• สร้าง Unit Tests อัตโนมัติ เพื่อลดข้อผิดพลาดและรองรับ Clean Core 

ABAP GitHub Copilot

• แนะนำและเติมโค้ด ABAP อัตโนมัติ ลดข้อผิดพลาดจากการพิมพ์ 
• ปรับปรุง Productivity โดยเรียนรู้จากโค้ดที่ใช้ในโครงการ 

SAP ยังพัฒนา ABAP Fine-tuned AI Model ที่สามารถให้คำแนะนำด้านโค้ดได้แม่นยำกว่า GPT-4 โดยมีอัตราความถูกต้องทางไวยากรณ์ 72% และอัตราผ่าน Unit Test 46% ซึ่งช่วยให้การพัฒนาบน SAP S/4HANA เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

5. Total Cost of Ownership (TCO) & Licensing Model

SAP S/4HANA มี Licensing Model ที่แตกต่างจาก SAP ECC โดย S/4HANA ใช้ Subscription-based Pricing สำหรับ Cloud และ Perpetual License สำหรับ On-Premise ทำให้องค์กรต้องประเมินต้นทุนที่เหมาะสม

• ลดค่าใช้จ่ายด้าน Infrastructure เมื่อใช้ Cloud 
• ต้องคำนึงถึงค่า Subscription รายปีแทนค่า License แบบซื้อขาด 
• มีค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมและ Migrate Custom Code 

แนวทางการ Migrate ไป SAP S/4HANA 

1. เริ่มต้นด้วย SAP Readiness Check เพื่อตรวจสอบความพร้อมของระบบ
2. ทำ Data Cleansing เพื่อลดข้อมูลที่ไม่จำเป็น 
3. วิเคราะห์ Custom Code และเปลี่ยนเป็นเทคโนโลยีที่รองรับ 
4. จัด Training ให้ทีมงาน เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น 

จากบทความของเราจะเห็นว่า SAP S/4HANA ไม่ใช่แค่การอัปเกรด แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงสถาปัตยกรรมระบบ เพื่อรองรับอนาคตของธุรกิจ หากองค์กรของคุณยังใช้ SAP ECC ควรเริ่มวางแผนการ Migrate ตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อให้สามารถใช้งานระบบที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และให้ใช้งานระบบ SAP ERP ได้อย่างไม่สะดุดในอนาคต

ปรึกษาเกี่ยวกับการ Migrate จาก SAP ECC ไปสู่ SAP S/4HANA กับผู้เชี่ยวชาญจาก ZyGen

Author: Phattanun K.

References: 
– SAP Community Blogs 
– SAP Learning
– Revolutionize ABAP development with Joule, our generative AI copilot