Power Pages คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างเว็บไซต์หรือพอร์ทัลแบบมืออาชีพได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องลงทุนลงแรงมากในด้านการเขียนโค้ดหรือโครงสร้างพื้นฐานของระบบ จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้ไม่ได้อยู่แค่ความง่ายในการใช้งานแบบ Low-Code เท่านั้น แต่ยังเชื่อมต่อกับ Microsoft Dataverse ได้อย่างไร้รอยต่อ ทำให้การจัดการข้อมูลระหว่างหน้าเว็บไซต์และระบบภายในองค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
Table of Contents
Power Pages จาก Microsoft คืออะไร

Power Pages ของ Microsoft คือแพลตฟอร์มการสร้างเว็บไซต์แบบ Low-Code ที่เป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องมือ Microsoft Power Platform มีความปลอดภัยระดับองค์กรในรูปแบบบริการ SaaS สำหรับการสร้างและโฮสต์เว็บไซต์ธุรกิจที่ผู้ใช้งานภายนอกองค์กรเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยตามมาตรฐาน Microsoft โดยความพิเศษของ Power Pages คือสามารถรวมการทำงานกับ Dataverse และบริการอื่นๆ ใน Microsoft Power Platform อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Power BI หรือ Power Automate Cloud ทำให้สามารถสร้างประสบการณ์เว็บไซต์ที่เป็นแบบ Interactive และให้ประสบการณ์ด้าน Data-Driven ได้ง่ายและรวดเร็ว

จุดเด่นของ Power Pages คือความสามารถในการทำงานร่วมกับ Microsoft Dataverse ซึ่งเป็นระบบจัดเก็บข้อมูลแบบปลอดภัยระดับองค์กร ทำให้การนำข้อมูลมาแสดงผลบนเว็บไซต์ หรือรับข้อมูลจากผู้ใช้งานเข้าสู่ระบบหลังบ้านเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการสร้าง
- เว็บไซต์ให้บริการลูกค้า (Customer Self-Service Portal)
- พอร์ทัลภายในสำหรับพนักงานหรือพันธมิตร
- แบบฟอร์มลงทะเบียนและระบบรับส่งข้อมูลต่าง ๆ
- ระบบ Workflow ออนไลน์ที่ลดการใช้เอกสารและขั้นตอน Manual
Power Pages จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับองค์กรที่ต้องการ ลดต้นทุนในการพัฒนาเว็บไซต์ เพิ่มความเร็วในการนำโซลูชันออกใช้งาน และยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้งาน ทั้งหมดนี้สามารถทำได้โดยไม่ต้องพึ่งทีมพัฒนาเว็บไซต์ขนาดใหญ่ หรือใช้ทรัพยากรด้าน IT อย่างสิ้นเปลือง
นอกจากนี้ Power Pages ยังรองรับการปรับแต่งด้วย HTML, CSS และ JavaScript สำหรับผู้ที่ต้องการฟังก์ชันเพิ่มเติม อีกทั้งยังผสานการทำงานร่วมกับเครื่องมืออื่นใน Power Platform อย่าง Power Automate, Power Apps และ Power BI ได้อย่างราบรื่น
Power Pages คุ้มค่า คุ้มราคา
สิ่งที่องค์กรได้รับจาก Power Pages ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มสำหรับสร้างเว็บไซต์เท่านั้น แต่คือโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจระดับองค์กร ทั้งในปัจจุบันและรองรับการเติบโตในอนาคตได้อย่างยืดหยุ่น

เมื่อมองในมุมของ ความคุ้มค่าในการลงทุน (Value for Investment) จะเห็นได้ชัดว่า Power Pages ช่วยลดค่าใช้จ่ายรวมในการเป็นเจ้าของระบบ (Total Cost of Ownership) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนด้านการพัฒนาเว็บไซต์ การดูแลรักษาระบบ หรือการปรับปรุงฟีเจอร์ให้สอดรับกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป
ที่สำคัญ Power Pages ยังช่วยให้องค์กร เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ด้วยความเร็วในการนำโซลูชันออกใช้งาน ความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง และความสามารถในการเชื่อมต่อกับ Microsoft Dataverse และเครื่องมืออื่น ๆ ใน Power Platform ได้อย่างไร้รอยต่อ ดังนี้
- ลดค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน: Power Pages ทำงานบนสถาปัตยกรรมแบบ SaaS ที่ Microsoft ดูแลทั้งหมดตั้งแต่การโฮสต์ ความปลอดภัย การอัปเดต ไปจนถึง SLA ระดับองค์กร ทำให้องค์กรไม่ต้องลงทุนในเซิร์ฟเวอร์หรือระบบรักษาความปลอดภัยแยกต่างหาก
- ลดต้นทุนในการพัฒนาและบำรุงรักษา: เครื่องมือแบบ Low-Code ช่วยให้ทีมลดความจำเป็นในการใช้ทีมพัฒนาขนาดใหญ่ และสามารถส่งต่อชุดความรู้จากทีมหนึ่ง ไปยังอีกทีม ได้ไม่ยาก
- พร้อมใช้งานในระดับองค์กร: Power Pages มาพร้อมระบบยืนยันตัวตน การควบคุมสิทธิ์ และมาตรฐานความปลอดภัยในระดับเดียวกับที่ใช้ในระบบงานหลักขององค์กร เช่น ERP หรือ CRM โดยไม่ต้องพัฒนาเพิ่มเติมเอง
- รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน: เว็บไซต์ที่พัฒนาบน Power Pages สามารถขยายต่อได้ทั้งในด้านจำนวนผู้ใช้งาน ฟีเจอร์ และการเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ ได้โดยไม่ต้องรื้อหรือย้ายระบบใหม่
- อยู่ภายใน Ecosystem เดียวกันกับ Power Platform: เมื่อใช้งานควบคู่กับ Power Automate, Power BI และ Power Apps องค์กรสามารถสร้างกระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติที่ผสานกับข้อมูลใน Portal ได้อย่างราบรื่น ลดความซ้ำซ้อนในการทำงานและลดการใช้หลายระบบที่แยกจากกัน
ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึง 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ Security, Scalability, และ Integration & Extensibility ซึ่งเมื่อ Power Pages ทำงานร่วมกับ Dataverse จะทำให้เป็นโซลูชัน Web Portal ที่ไม่เพียงแค่รองรับการเติบโตขององค์กร และสร้างคุณค่าทางธุรกิจได้อย่างแท้จริง
Power Pages: ความปลอดภัยสำหรับองค์กร

สำหรับเว็บไซต์ภายนอกที่ให้บริการลูกค้าหรือผู้ใช้งานจำนวนมาก ความปลอดภัยถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ Power Pages และ Dataverse ถูกออกแบบมาโดยให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูลและการควบคุมการเข้าถึงในทุกระดับ โดยมีมาตรฐานและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุมดังต่อไปนี้
- Authentication & Single Sign-On: Power Pages รองรับการผนวกระบบยืนยันตัวตนจากผู้ให้บริการหลากหลาย เช่น Azure Active Directory (Azure AD) สำหรับการทำ Single Sign-On ภายในองค์กร รวมถึงผู้ให้บริการ OAuth/OpenID อื่นๆ อย่างบัญชี Microsoft, LinkedIn, Google และ Facebook ทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินด้วยบัญชีที่มีอยู่ได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ยังรองรับการพิสูจน์ตัวตนแบบหลายปัจจัย (Multi-Factor Authentication) ผ่าน Azure AD เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการล็อกอินของผู้ใช้
- Role-Based Access Control – RBAC: แพลตฟอร์ม Dataverse ใช้โมเดลการรักษาความปลอดภัยแบบกำหนดสิทธิ์ตามบทบาทของผู้ใช้ในการควบคุมการเข้าถึงข้อมูล (role-based security model) ซึ่งกำหนดว่าแต่ละบทบาทสามารถเข้าถึงข้อมูลใดได้บ้าง ทั้งในระดับตาราง (Table) และระดับระเบียนข้อมูล (Record) โดยยึดหลักการให้สิทธิ์เท่าที่จำเป็น (Least Privilege) ผู้ดูแลระบบสามารถสร้าง Web Roles สำหรับ Power Pages เพื่อกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงหน้าเว็บหรือข้อมูลแต่ละส่วนให้กับกลุ่มผู้ใช้ที่แตกต่างกัน เช่น กำหนดให้ลูกค้าและพนักงานเห็นข้อมูลคนละชุด เป็นต้น
- Data Encryption: ข้อมูลที่จัดเก็บอยู่ใน Dataverse จะถูกเข้ารหัส (encryption) ป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าถึงข้อมูลได้โดยง่าย Microsoft Power Platform มีการเข้ารหัสข้อมูล ขณะพัก (data at rest) ทุกอย่างด้วยโปรโตคอลการเข้ารหัสที่ Microsoft เป็นผู้ดูแล โดย Microsoft เองมีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงอย่าง TLS (Transport Layer Security) ดังนั้นข้อมูลสำคัญขององค์กรบน Power Pages/Dataverse จะถูกปกป้องทั้งระหว่างทางและเมื่อจัดเก็บอยู่บนคลาวด์
- ระบบ Firewall และการป้องกันภัยคุกคามบนเว็บ: Power Pages มีระบบ Web Application Firewall (WAF) ในตัว ซึ่งช่วยตรวจจับและบล็อกภัยคุกคามบนเว็บที่พบบ่อย เช่น การโจมตีแบบ SQL Injection และ Cross-Site Scripting (XSS) องค์กรสามารถเลือกใช้ WAF ที่มาพร้อมระบบหรือผนวกกับบริการอย่าง Azure Front Door เพื่อเพิ่มการป้องกันตามความต้องการเฉพาะ นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐาน Azure ยังมีการป้องกันการโจมตีแบบ Distributed Denial of Service (DDoS) ให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีเพื่อทำให้ระบบล่มในระดับเครือข่าย
- Auditing & Logging: แพลตฟอร์มมีฟีเจอร์ในการบันทึก Log กิจกรรมของผู้ใช้และระบบอย่างละเอียด ทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบประวัติการเข้าถึง การแก้ไขข้อมูล หรือการดำเนินการต่างๆ ย้อนหลังเพื่อการตรวจสอบ (audit trail) ได้ตามต้องการ นอกจากนี้ Power Pages ยังมีเครื่องมือ Security Scan ที่ช่วยสแกนหาช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของเว็บไซต์ที่พัฒนาขึ้น ผ่านการจำลองการโจมตีรูปแบบต่างๆ เช่น SQL Injection, XSS หรือการใช้ไลบรารีที่มีช่องโหว่ พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการแก้ไขอย่างเหมาะสมก่อนนำเว็บไซต์ขึ้นให้บริการจริง ฟีเจอร์เหล่านี้ทำให้มั่นใจได้ว่าเว็บพอร์ทัลขององค์กรได้รับการตรวจสอบป้องกันในเชิงรุกอยู่เสมอ
ด้วยมาตรการด้านความปลอดภัยข้างต้น องค์กรสามารถมั่นใจได้ว่าเว็บพอร์ทัลที่สร้างบน Power Pages + Dataverse มีการป้องกันหลายชั้นตามมาตรฐานร อีกทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายความปลอดภัยและกฎหมายคุ้มครองข้อมูล ช่วยลดความเสี่ยงของข้อมูลรั่วไหลหรือการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาติได้อย่างดี
Power Pages: ความสามารถในการขยายขนาดระบบ ระดับองค์กร
ความสามารถในการขยายขนาดระบบ (scalability) เป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะช่วยให้ Web Portal ขององค์กรรองรับการเติบโตของธุรกิจได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้น ปริมาณข้อมูลที่มากขึ้น หรือการต่อยอดระบบด้วยฟังก์ชันใหม่ๆ ในอนาคต โดย Power Pages และ Dataverse ได้รับการออกแบบให้รองรับการขยายตัวในทุกมิติ ดังนี้

Dataverse ซึ่งเป็นโครงสร้างฐานข้อมูลเบื้องหลังของ Power Pages ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับข้อมูลปริมาณมากระดับองค์กรได้โดยไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลธุรกรรม ลูกค้า หรือข้อมูลการดำเนินงานต่างๆ Dataverse สามารถจัดเก็บระเบียนข้อมูลได้หลายล้านระเบียน ต่อหนึ่งตารางข้อมูล และรองรับชนิดข้อมูลหลากหลายรูปแบบ (เช่น ข้อมูลตัวอักษร ตัวเลข ไฟล์ รูปภาพ และข้อมูลสัมพันธ์ระหว่างตาราง) ภายในฐานข้อมูลเดียวขององค์กร หากธุรกิจเติบโตและต้องการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้น องค์กรสามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บ (storage capacity) ของ Dataverse ได้อย่างยืดหยุ่นผ่านการปรับเพิ่มไลเซนส์หรือซื้อหน่วยความจุเพิ่มเติม โดยไม่ต้องแก้ไขสถาปัตยกรรมระบบเอง ทำให้การขยายขนาดฐานข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่น
นอกจากนี้ Dataverse ยังมีการจัดการประสิทธิภาพหลังบ้านให้อัตโนมัติ เช่น การทำดัชนี (indexing) และการแบ่งส่วนข้อมูล (partitioning) ตามความเหมาะสม ช่วยให้การค้นหาและประมวลผลข้อมูลยังคงรวดเร็วแม้ว่าปริมาณข้อมูลจะเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม ที่สำคัญ องค์กรสามารถเลือกภูมิภาคที่จัดเก็บข้อมูลใน Dataverse ตาม ข้อกำหนดด้านพื้นที่เก็บข้อมูล (Data Residency) ได้ เช่น เลือกให้ข้อมูลลูกค้าในยุโรปถูกเก็บในดาต้าเซ็นเตอร์ยุโรป หรือข้อมูลในเอเชียเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลเอเชีย เป็นต้น เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของแต่ละพื้นที่อย่าง GDPR ในยุโรป หรือกฎหมาย PDPA ในไทยที่มีข้อกำหนดเรื่องการเก็บรักษาข้อมูลในประเทศ ความสามารถในการรองรับข้อมูลปริมาณมหาศาลและยืดหยุ่นตามกฎข้อบังคับนี้ ทำให้องค์กรสามารถเริ่มต้นระบบด้วยข้อมูลขนาดไม่ใหญ่มากและขยายสเกลขึ้นเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ระดับโลกได้ โดยไม่ต้องหยุดชะงักการให้บริการหรือย้ายระบบเมื่อข้อมูลเพิ่มขึ้น

Power Pages และ Dataverse: การเชื่อมต่อและขยายระบบที่ยืดหยุ่น
แพลตฟอร์ม Power Pages และ Dataverse ไม่ได้ทำงานแยกจากกัน แต่ถูกออกแบบให้สามารถผสานการทำงานกับระบบและเครื่องมืออื่น ๆ โดยเฉพาะใน Power Platform ได้อย่างราบรื่น เพื่อให้องค์กรสามารถใช้ศักยภาพของเครื่องมือแต่ละตัวได้อย่างเต็มที่
- Power Platform Integration
เนื่องจาก Power Pages เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Microsoft Power Platform การเชื่อมต่อจึงทำได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น องค์กรสามารถใช้ Power Automate ในการสร้างกระบวนการทำงานอัตโนมัติ (Workflow) เชื่อมต่อกับ web portal ได้ทันที เมื่อผู้ใช้งานทำกิจกรรมบางอย่างบนเว็บ (เช่น การส่งฟอร์ม) ก็สามารถเรียก Flow ให้ทำงานต่อเนื่อง เช่น ส่งอีเมลแจ้งเตือนไปยังทีมที่เกี่ยวข้อง หรือนำข้อมูลไปบันทึกยังระบบ aproval เป็นต้น นอกจากนี้ยังรองรับการแสดง Power BI ลงในหน้าเว็บของ Power Pages ได้โดยตรง เพื่อแสดงผลรายงานให้ผู้ใช้งานเห็นภาพรวมได้ทันทีบนพอร์ทัลเดียว ไม่ต้องสลับไปยังระบบอื่น
- Open API และการเชื่อมต่อภายนอก
Dataverse มีชุดคำสั่ง API (โดยเฉพาะ OData REST API) ที่เปิดให้นักพัฒนาสามารถเชื่อมต่อข้อมูลจากระบบภายนอกได้โดยตรงอย่างปลอดภัย ซึ่งหมายความว่าสามารถสร้างแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ภายนอกอื่นๆ ที่เรียกดูหรือปรับปรุงข้อมูลใน Dataverse ได้ผ่าน API ที่มีการรับรองความปลอดภัยและการกำหนดสิทธิ์ตาม Azure AD นอกจากนี้ Power Pages ยังสนับสนุนแนวคิด Virtual Tables ที่ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลจากแหล่งอื่น (เช่น ฐานข้อมูลหรือบริการของ Salesforce, Oracle, Dynamics 365 Business Central, SAP เป็นต้น) แล้วนำมาแสดงผลหรือใช้งานในพอร์ทัลได้เสมือนเป็นตารางข้อมูลหนึ่งใน Dataverse ผู้ใช้งานปลายทางก็สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการจากหลายระบบผ่าน Web Portal เดียว ลดความซับซ้อนและประสบการณ์ที่ขาดความต่อเนื่องจากการต้องสลับไปมาระหว่างหลายระบบลงอย่างมาก

Power Pages และ Dataverse ไม่เพียงแค่เครื่องมือที่ช่วยให้การสร้างเว็บพอร์ทัลหรือการเชื่อมต่อข้อมูลทำได้ง่าย แต่ยังเป็นโซลูชันที่ช่วยลดต้นทุนในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการลดความซับซ้อนในการพัฒนาและบำรุงรักษา ลดเวลาการพัฒนาระบบ ลดค่าใช้จ่ายในการจ้างบุคลากรเฉพาะทาง และช่วยให้ธุรกิจของคุณปรับตัวเข้ากับความต้องการใหม่ๆ ได้รวดเร็วขึ้น ในขณะที่ยังคงความปลอดภัยและความยืดหยุ่นในการขยายตัว
หากคุณต้องการลดต้นทุนธุรกิจในระยะยาว และเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน ติดต่อ ZyGen เพื่อเรียนรู้ว่า Microsoft Power Pages และ Dataverse จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับองค์กรของคุณได้อย่างไร
Author: Sutthawee H.
References
- Announcing Microsoft Power Pages: Build secure, low-code websites
- Power Pages security
- Role-based security roles
- Security and Governance Considerations in Power Platform
- Microsoft Power Pages is bringing the new standard in secure, AI-powered capabilities
- Microsoft Power Pages Launches for Low-Code Business Web Sites
- Power Pages Fundamentals #3: Power Pages Architecture : Quick Read Series